Monday, 23 December 2024

Muhammad Yunus: คนจนสามารถหลุดพ้นจากความยากจนได้ หากพวกเขาได้รับโอกาสและการสนับสนุนที่เหมาะสม

31 May 2024
189

คุณเชื่อไหมว่าจะมีใครสักคนบนโลกที่จะเชื่อมั่นว่าคนจนสามารถหลุดพ้นจากความยากจนได้ หากพวกเขาได้รับโอกาสและการสนับสนุนที่เหมาะสม เขาคนนี้ชื่อ Muhammad Yunus  เขาคือคนริเริ่มแนวคิดไมโครเครดิตเพื่อช่วยเหลือชุมชน และเปลี่ยนชีวิตคนนับล้านอย่างสิ้นหวัง บนเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค

.

ในช่วงทศวรรษ 1970 ชาวบ้านในหมู่บ้านชนบทของบังกลาเทศต้องเผชิญความยากจนข้นแค้น พวกเขาไม่มีเงินทุน ไม่มีที่ดินทำกิน และไม่มีทางเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบ จึงต้องพึ่งพาเงินกู้นอกระบบที่คิดดอกเบี้ยสูงลิ่ว หลายคนสิ้นหวังจนคิดฆ่าตัวตาย Muhammad Yunus ในวัย 36 ปี เห็นสภาพความทุกข์ยากเช่นนี้ด้วยสายตาของเขาเอง ในฐานะศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ เขารู้สึกว่าทฤษฎีที่สอนในมหาวิทยาลัยไร้ความหมาย หากไม่สามารถช่วยให้ชาวบ้านเหล่านี้หลุดพ้นจากความยากจนได้ หัวใจของ Yunus เจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นแม่หม้ายไร้ที่พึ่ง เด็กๆ ที่ต้องอดอยาก คนแก่ที่ถูกทอดทิ้ง เขาสัมผัสได้ถึงความสิ้นหวังที่แผ่ซ่านในชุมชนเล็กๆ แห่งนี้ เขาจึงตัดสินใจว่าต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง

.

ในปี 1976 Yunus เริ่มปล่อยกู้เงินจำนวนเล็กน้อยให้ชาวบ้านยากจน โดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ด้วยความเชื่อที่ว่าคนจนเป็นคนซื่อสัตย์และขยัน หากได้รับโอกาสพวกเขาจะสามารถสร้างอาชีพและใช้หนี้คืนได้ เขาเริ่มต้นด้วยการให้กู้ยืมเงินแค่ 27 ดอลลาร์สหรัฐแก่ชาวบ้าน 42 ครอบครัว แต่ก็พบว่าแม้เงินจำนวนเพียงเล็กน้อยเช่นนี้ ก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลในชีวิตของผู้คนได้

.

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการในลักษณะนี้กลับไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลหรือธนาคาร พวกเขามองว่าการปล่อยกู้ให้คนจนเป็นความเสี่ยงสูง แนวคิดของ Yunus ถูกปฏิเสธจากทุกสถาบันการเงิน บางคนมองเขาเป็นคนบ้าที่อุทิศตนเพื่อช่วยคนจนโดยไร้ผลตอบแทน ทว่า Yunus ไม่ย่อท้อ เขายืนยันที่จะสานต่อความฝันและพิสูจน์ว่าไมโครเครดิตเป็นหนทางที่ยั่งยืนในการช่วยคนจนให้พึ่งพาตนเองได้

.

จากประสบการณ์การทำงานร่วมกับชุมชน Yunus ได้เรียนรู้ว่าการแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน ต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของคนในชุมชนเอง ด้วยการออกแบบกลไกที่ช่วยส่งเสริมศักยภาพและพึ่งพาอาศัยกันเอง เช่น ระบบการค้ำประกันเงินกู้แบบกลุ่ม การออมทรัพย์ และการสนับสนุนทางสังคม

.

นอกจากนี้ Yunus ยังได้เรียนรู้ว่าการสร้างอาชีพและรายได้ให้กับผู้หญิง จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่สำหรับทั้งครอบครัวและชุมชน เพราะผู้หญิงมักให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพของลูกๆ และการพัฒนาที่ยั่งยืน เขาจึงเน้นให้กู้ยืมแก่ผู้หญิงเป็นหลัก ซึ่งก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีเกินคาด

.

ความล้มเหลวและข้อท้วงติงในระยะแรกไม่ได้ทำให้ Yunus ย่อท้อ แต่กลับกระตุ้นให้เขามุ่งมั่นและสร้างสรรค์นวัตกรรมให้มากขึ้น เพื่อพิสูจน์ว่าแนวทางที่เขาเชื่อมั่นนั้นเป็นไปได้จริงและยั่งยืน มันเป็นบทเรียนสำคัญที่ช่วยหล่อหลอมความเพียรและจุดประกายความหวังในหัวใจเขา

.

ในปี 1983 Yunus ก่อตั้งธนาคารกรามีน (Grameen Bank) เพื่อขยายผลความช่วยเหลือสู่คนจนในวงกว้าง ซึ่งเป็นการปฏิวัติวงการการเงินและการพัฒนาชุมชนอย่างสิ้นเชิง ด้วยปรัชญาที่ว่าเครดิตคือสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ธนาคารจึงปล่อยกู้ให้คนจนโดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่ใช้ระบบค้ำประกันร่วมกันภายในกลุ่ม และใช้กระบวนการกลุ่มเพื่อสนับสนุนและเรียนรู้ร่วมกัน ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ซึ่งเดิมไม่มีสิทธิ์ถือครองทรัพย์สินหรือทำธุรกรรมการเงิน

.

ธนาคารเติบโตอย่างรวดเร็ว ภายในปีแรกมีสาขากว่า 86 แห่ง มีสมาชิก 28,000 คน และปล่อยกู้ไปแล้วกว่า 1.4 ล้านดอลลาร์ ผู้คนต่างทึ่งกับอัตราการชำระคืนที่สูงกว่า 98% ทั้งๆ ที่เป็นการปล่อยกู้ให้คนจน พิสูจน์ให้เห็นว่าแนวคิดของ Yunus ใช้ได้ผลจริง และกำลังจะสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับชุมชนและสังคม

.

เป็นครั้งแรกที่คนจนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างมีศักดิ์ศรีและเป็นธรรม ไมโครเครดิตของกรามีนช่วยปลดปล่อยคนนับล้านให้หลุดพ้นจากความยากจนข้นแค้น พวกเขาได้ใช้เงินกู้ไปลงทุนประกอบอาชีพ สร้างรายได้ที่มั่นคง ส่งลูกเรียนหนังสือ ปรับปรุงที่อยู่อาศัย ได้กินอิ่มนอนหลับเป็นครั้งแรก ที่สำคัญคือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของพวกเขาถูกเรียกคืนกลับมา พวกเขาเปลี่ยนจากผู้ที่สิ้นหวังกลายเป็นผู้ที่สามารถกำหนดชะตาชีวิตด้วยตัวเอง

.

ในเวลาต่อมา ธนาคารกรามีนได้ขยายผลความสำเร็จนี้ไปสู่ประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ อีกกว่า 100 ประเทศทั่วโลก Yunus ยังได้ริเริ่มธุรกิจเพื่อสังคมที่ช่วยแก้ปัญหาความยากจนในรูปแบบอื่นๆ อีกหลายโครงการ ผลงานของเขาได้รับการยอมรับระดับโลก ทำให้เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ในปี 2006 จากการคิดค้นและขยายผลไมโครเครดิตเพื่อช่วยคนจน

.

วันนี้ Muhammad Yunus เป็นที่ยอมรับในฐานะผู้บุกเบิกไมโครไฟแนนซ์เพื่อสังคม และเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการเพื่อสังคมทั่วโลก เขายืนยันว่าความยากจนไม่ใช่เรื่องเลี่ยงไม่ได้ แต่เป็นปัญหาที่มนุษย์สร้างขึ้น และมนุษย์ก็สามารถแก้ไขได้ ด้วยพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ ความเห็นอกเห็นใจ และความร่วมมือร่วมใจกัน

.

องค์กรการกุศลแห่งหนึ่งเคยเชิญ Yunus ไปพูดที่งานระดมทุน บนเวทีเขาบอกเล่าเรื่องราวของหญิงชราที่สามีเสียชีวิต ลูกๆ ก็แต่งงานย้ายออกไปหมดแล้ว เธอไม่มีความรู้และรายได้ จนกระทั่งได้เข้าร่วมโครงการไมโครเครดิตของกรามีน เธอกู้เงินเพียง 50 ดอลลาร์เพื่อซื้อแม่ไก่ 3 ตัว และเลี้ยงไข่ขาย ในเวลาเพียง 1 ปี เธอก็มีไก่เป็นร้อยตัว มีรายได้จุนเจือตนเองได้ และที่สำคัญคือเธอมีความสุข รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองอีกครั้ง

.

เรื่องราวนี้สะกิดใจผมจนน้ำตาไหล มันเป็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของการเปลี่ยนแปลงชีวิตด้วยโอกาสเพียงเล็กน้อย Yunus ท้าทายผู้ฟังว่า อย่ามองความยากจนเป็นเพียงสถิติที่เราสงสาร แต่จงมองให้เห็นเป็นเรื่องราวของมนุษย์เพื่อนร่วมโลกที่สามารถฝ่าฟันอุปสรรคและลุกขึ้นสู้ได้ หากมีคนยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ

.