ถ้าคุณกำลังผิดหวังในความรัก ขอให้ฟังเรื่องนี้ ผู้หญิงคนนี้ เป็นเรื่องราวของ “Tina Turner” นักร้องระดับตำนานที่ต้องผ่านเรื่องราวความสัมพันธ์อันเลวร้ายกับสามี ก่อนจะค้นพบความรักแท้และไว้วางใจได้อีกครั้ง เรามาค้นหาเรื่องราวการเดินทางอันยากลำบากของเธอไปด้วยกัน ครับ
.
Tina Turner เป็นหนึ่งในนักร้องที่มีพลังเสียงมากที่สุดตลอดกาล แต่ชีวิตรักของเธอในหน้าแรกกลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เมื่อพบว่าสามีที่เธอไว้ใจที่สุดกลายเป็นคนทำร้ายเธอทั้งกายและใจ การเดินทางของ Tina ในการเยียวยาบาดแผลและกล้าเปิดใจไว้วางใจอีกครั้ง เป็นบทเรียนอันล้ำค่าเกี่ยวกับพลังของการให้อภัย การไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา และการค้นพบความรักที่แท้จริงในที่สุด มันคือการพิสูจน์ว่าไม่ว่าอดีตจะเจ็บปวดแค่ไหน เราก็สามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ
.
Tina พบรักกับ Ike Turner ตั้งแต่อายุ 17 ทั้งคู่แต่งงานและร่วมงานกันในฐานะคู่หูนักร้อง สร้างผลงานเพลงฮิตมากมาย แต่ชีวิตเบื้องหลังของ Tina กลับเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส Ike เป็นคนเจ้าชู้และชอบใช้ความรุนแรง เขามักทำร้ายร่างกาย ข่มขู่ และควบคุม Tina อยู่เสมอ ทำให้เธอรู้สึกไร้ค่าและสิ้นหวังกับชีวิต หลายครั้งที่ Tina คิดฆ่าตัวตาย แต่ก็ทำไม่ลงเพราะห่วงลูก เธอจึงยอมทนทุกข์ทรมานอยู่กับ Ike นานถึง 16 ปี ก่อนจะตัดสินใจหนีออกมาพร้อมความปวดร้าวในหัวใจ
.
หลังจากหนีออกมาได้ Tina ต้องเผชิญความยากลำบากนานัปการ ทั้งฐานะการเงินที่ย่ำแย่ ไม่มีงาน ไม่มีที่พักพิง ต้องเลี้ยงลูกตามลำพัง และที่หนักหนาที่สุดคือบาดแผลฟกช้ำทางใจ เธอกลัวการมีความสัมพันธ์ใหม่ ไม่กล้าเชื่อใจใคร ไม่เชื่อเรื่องความรักอีกต่อไป เธอจมอยู่กับความเศร้าหมองและแค้นเคืองเป็นเวลานาน กว่าจะค่อยๆ เยียวยาจิตใจตัวเองด้วยการหันมาพึ่งพระเจ้าและความเชื่อ เธออธิษฐานทุกคืน ขอพลังจากสวรรค์เพื่อก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาอันมืดมิด
.
แม้จะเจ็บปวด แต่ Tina ไม่ยอมแพ้ เธอตัดสินใจหันหลังให้กับอดีต มุ่งมั่นที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เธอเปลี่ยนลุคตัวเอง จากสาวผมยาวมาเป็นทรงผมเปรี้ยวสั้น ซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์ของเธอในเวลาต่อมา เธอเริ่มแสดงตามผับและคลับเล็กๆ เพื่อหารายได้ แม้ค่าตัวจะน้อยนิด แต่เธอก็สู้ไม่ถอย เธอฝึกร้องและเต้นอย่างหนัก แสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเองผ่านผลงานเพลง เธอแต่งเพลง What’s Love Got to Do with It เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกผิดหวังในความรัก แต่ก็ยังคงเชื่อมั่นว่าวันหนึ่งจะได้พบรักแท้ในที่สุด
.
ในปี 1984 เมื่ออายุได้ 44 ปี ชีวิตของ Tina ก็พลิกผันอีกครั้ง เมื่อเธอได้พบกับ Erwin Bach นักธุรกิจชาวเยอรมันวัย 30 ที่เป็นแฟนเพลงของเธอ ทั้งคู่ถูกชะตากันและค่อยๆ ได้รู้จักกันมากขึ้น ในช่วงแรก Tina ยังไม่ไว้วางใจ Erwin เพราะกลัวจะซ้ำรอยอดีต แต่เขาก็แสดงให้เห็นถึงความเคารพ เอาใจใส่ และเข้าอกเข้าใจ Tina อย่างจริงใจ จนเธอคลายกำแพงในใจลงทีละน้อย เปิดใจให้ความรักอีกครั้ง
.
การคบหากับ Erwin ทำให้ Tina เรียนรู้ว่าความรักแท้ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน มันมีอยู่จริงและมีค่ายิ่งกว่าสิ่งใดในโลก เธอเข้าใจแล้วว่าการยึดติดและไม่ยอมให้อภัยอดีตที่เจ็บปวด ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น แต่การเลือกก้าวต่อไปและเปิดใจรับสิ่งดีๆ ต่างหากที่จะทำให้ชีวิตมีความสุข หัวใจสำคัญคือการเชื่อมั่นในคุณค่าของตนเอง ไม่ปล่อยให้ใครมาบงการชีวิต และกล้าที่จะมอบความไว้วางใจให้กับคนที่เราเลือกเอง ความทุกข์ในอดีตไม่ได้ทำให้เราอ่อนแอลง แต่กลับหล่อหลอมให้เราเข้มแข็งขึ้นต่างหาก
.
ด้วยกำลังใจและความรักจาก Erwin ทำให้ Tina ค่อยๆ สานต่อความฝันในวงการเพลงอีกครั้ง เธอกลับมาอัดอัลบั้ม ออกทัวร์ และโชว์พลังเสียงบนเวทีได้อย่างยิ่งใหญ่กว่าเดิม จนคว้ารางวัลแกรมมี่อวอร์ดถึง 8 สาขา กลายเป็นราชินีแห่งร็อคแอนด์โรลตัวจริง ความสำเร็จทางดนตรีนี้ช่วยเยียวยาหัวใจของเธอและเติมเต็มความเชื่อมั่นที่เคยสูญหายไป เธอกล้าที่จะเดินหน้าต่อไปโดยไม่หวั่นกลัวอดีต สามารถยืนหยัดได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง และเลือกความรักที่เธอคู่ควร
.
ในปี 2013 หลังจากคบหากันมากว่า 27 ปี Tina วัย 73 ก็ตัดสินใจแต่งงานกับ Erwin อย่างเป็นทางการ พิธีแต่งงานอบอุ่นจัดขึ้นที่ริมทะเลสาบซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นบ้านของทั้งคู่ เจ้าสาวและเจ้าบ่าวต่างมีสีหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและความสุข ราวกับภาพความรักในฝันที่อุตส่าห์รอคอยมาทั้งชีวิต
.
วันนี้ Tina Turner อายุ 82 ปี มีชีวิตที่เต็มไปด้วยความรักและสงบสุขในช่วงบั้นปลาย เธอวางมือจากวงการบันเทิงและใช้เวลาอยู่กับสามีและครอบครัวอย่างเงียบๆ แต่ยังคงเป็นตำนานและต้นแบบของผู้หญิงที่ผ่านมรสุมชีวิตมาได้อย่างงดงาม เธอได้แต่งอัตชีวประวัติชื่อ My Love Story เพื่อแบ่งปันเรื่องราวการเดินทางของชีวิตและความรัก เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนกล้าลุกขึ้นสู้และเริ่มต้นใหม่ ไม่ว่าอดีตจะเลวร้ายเพียงใด
.
Tina เขียนไว้ในหนังสือว่า “ชีวิตก็เหมือนกับอัญมณี ยิ่งผ่านการขัดเกลา มันก็ยิ่งเปล่งประกาย และระยิบระยับได้มากขึ้นเท่านั้น บาดแผลในอดีต แม้เจ็บปวดแค่ไหน ก็ไม่ได้ทำให้เราเป็นแก้วที่บิ่นหรือแตกง่าย แต่กลับทำให้เราแข็งแกร่งพอจะเผชิญทุกแรงปะทะ และที่สำคัญทำให้เรารู้คุณค่าของความรักที่แท้จริง เมื่อมันมาถึง เราต้องกอบกุมมันไว้ให้แน่น และรักกันให้สุดหัวใจ เพราะมันคือสิ่งมีค่าที่สุดในโลกใบนี้ หากรอคอยด้วยความอดทน สักวันความรักก็จะมาเยือน และเราจะได้เริ่มเรื่องราวดีๆ ด้วยกันอย่างแน่นอน นี่คือสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้ และมีความสุขที่จะส่งต่อให้ทุกคนค่ะ”
นี่คือจุดจบอันงดงามของ Tina Turner บทพิสูจน์ว่าความเจ็บปวดในอดีตไม่ใช่ตัวกำหนดอนาคตของเรา ขอเพียงเรามีความหวัง ความกล้า และความศรัทธา เราก็จะก้าวผ่านมันไปได้ จากนั้นจงเปิดประตูหัวใจให้กว้าง เพราะความรักดีๆ อาจรอกอยู่ข้างหน้าเพื่อรอเราอยู่ก็เป็นได้ สิ่งสำคัญคือไม่ย่อท้อ ไม่สิ้นหวัง และเชื่อมั่นในคุณค่าของตัวเอง เพราะเราทุกคนล้วนคู่ควรกับความรักที่บริสุทธิ์และจริงใจเสมอ
.
เรื่องราวการเดินทางของ Tina Turner ทิ้งข้อคิดให้เราได้ตระหนักหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการให้อภัย การไม่ยึดติดกับอดีต การเชื่อมั่นในตัวเอง และความกล้าที่จะเปิดใจให้กับความรักอีกครั้ง ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องยากและต้องใช้เวลา แต่ด้วยความมุ่งมั่นและศรัทธา ทุกคนก็สามารถเอาชนะบาดแผลและก้าวต่อไปได้ดั่งเช่นที่ Tina ได้ทำ
.
นอกจากนี้ เรื่องราวของเธอยังเป็นแรงบันดาลใจให้เราเห็นคุณค่าของการรักและดูแลตัวเอง ไม่ยอมจำนนต่อความเจ็บปวด และพร้อมจะลุกขึ้นสู้เพื่อชีวิตที่ดีกว่าเสมอ ไม่ว่าอายุจะล่วงเลยไปมากแค่ไหน ก็ไม่สายเกินไปที่จะมีความรักที่สวยงาม เพราะความรักแท้ไม่เคยมองเรื่องของเวลา แต่มองที่หัวใจเป็นหลัก
สุดท้าย เรื่องนี้ได้ให้ข้อคิดเกี่ยวกับความรัก ที่บางครั้งเราอาจต้องเจ็บปวดและผิดหวังมากกว่าหนึ่งครั้ง กว่าจะพบคนที่ใช่และเข้าใจเรา แต่อย่าเพิ่งสิ้นหวังหรือปิดกั้นหัวใจ เพราะรักแท้มักรอคอยเราอยู่เสมอ ขอเพียงเปิดใจให้กว้าง มองโลกในแง่ดี และเชื่อมั่นในความรักอย่างไม่เสื่อมคลาย สักวันเราจะได้พบ “คนที่ใช่” และเขียนเรื่องราวความรักที่สวยงามด้วยกันอย่างแน่นอน ตราบใดที่เรายังไม่ละความพยายาม และไม่หยุดเชื่อในพลังของรัก ดังเช่นที่ Tina Turner เคยกล่าวไว้ว่า “ความรักคือพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาล เมื่อคุณรู้สึกถึงมัน คุณจะรู้ว่ามันคุ้มค่าที่รอคอยเสมอ”